  
                    การทำโนไดซ์ คือ 
                      กระบวนการป้องกันการผุกร่อนของโลหะอลูมิเนียม โดยทำให้เกิดออกไซด์ของอลูมิเนียมที่เสถียร  เคลือบผิวด้วยไฟฟ้า โดยกรรมวิธี อิเล็กโทรลิซิส  
                      ออกไซด์ของอลูมิเนียมที่เกิดขึ้นจากการทำอโนไดซ์ จะมีลักษณะผิวด้าน 
                      และมีรูพรุนเล็กมาก ๆ โดยรูพรุนนี้จะเป็นเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับเก็บสีเอาไว้ 
                      และจะทำให้ผิวอลูมิเนียม ทนการกัดกร่อนได้มากขึ้น และผิวจะเป็นฉนวนไฟฟ้า  
                    
                        
                    
                       
                                    โดยปกติเมื่อทิ้งอลูมิเนียมไว้ในบรรยากาศ  อลูมิเนียมจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศทำให้เกิดสนิมอลูมิเนียม  ทำให้เกิดการกัดกร่อน และทำให้อลูมิเนียมเสื่อมสภาพ 
                                     การทำอโนไดซ์ ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นชั้นฟิล์มบางๆ  มีคุณสมบัติทนการกัดกร่อนได้ดี การทำอโนไดซ์อลูมิเนียม  จะต้องใช้ใช้อลูมิเนียมบริสุทธิ์  การเกิดของชั้นฟิล์มจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  แต่ในอลูมิเนียมที่มีโลหะอื่นผสม (alloys) โดยเฉพาะอลูมิเนียมที่ผสมแมกนิเซียม จะมีคุณสมบัติทนการกัดกร่อนลดลง   ดังนั้นการทำอโนไดซ์ จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทนการกัดกร่อนของ  อลูมิเมียมอัลลอย   อลูมิเนียมที่เป็นชิ้นส่วนหลักทั้งหมด  ที่ใช้ในเครื่องบิน  จะเป็นอลูมิเนียมอโนไดซ์    นอกจากนั้น  เรายังพบอลูมิเนียมอโนไดซ์ในเครื่องใช้ประจำวันของเราเช่น  เครื่องเล่น MP3, ไฟฉาย ,เครื่องครัว, กล้อง,อุปกรณ์กีฬา  มือถือ เป็นต้น   
                                    ซึ่งผลพลอยได้จากการทำอโนไดซ์  นอกจากจะทนการกัดกร่อนของบรรยากาศได้ดีขึ้น และแข็งแรงขึ้นแล้ว  ยังสามารถย้อมสีได้อีกด้วย  และซีลผิวเพื่อป้องกันผิวให้คงทน 
                                    ผิวของอลูมิเนียมที่ผ่านการอโนไดซ์แล้ว จะมีความสามารถในการนำความร้อนได้ลดลง   และมีสัมประสิทธิการขยายตัวต่ำกว่าอลูมิเนียมบริสุทธิ์  ด้วยผลกระทบนี้ ผิวจะแตกร้าวเมื่อทิ้งไว้ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 80°C ผิวของอลูมิเนียมที่ผ่านการอโนไดซ์แล้วจะมีจุดหลอมเหลวที่ 2050°C ซึ่งสูงกว่าอลูมิเนียมบริสุทธิ์ ซึ่งจะหลอมเหลวที่ 658°C ดังนั้นอลูมิเนียมที่ผ่านการ 
                      อโนไดซ์ จึงเชื่อมติดได้ยาก อลูมิเนียมออกไซด์ที่เกิดจากการอโนไดซ์  จะเกิดงอกขึ้นที่ผิว และส่วนหนึ่งกินลงไปที่เนื้อผิวเดิม ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน  
                                    ตัวอย่างเช่น  การอโนไดซ์ความหนา 2 ไมโครเมตร ดังนั้นชิ้นงานจะมีความหนาเพิ่มขึ้นเพียง 1  ไมโครเมตร  
                      (เพราะอีก 1ไมโครเมตรกินลงไปที่ผิวเดิม) 
                      .............1mm=1000ไมโครเมตร 0.01 mm= 10 ไมครอน  1 ไมโครเมตร เล็กกว่าเส้นผม 1 แสนเท่า............... 
                      
                     
                                     หากการทำอโนไดซ์ ทำขึ้นในสารละลาย (ที่อลูมิเนียมออกไซด์สามารถละลายได้)  เช่น กรดกัมมะถัน หรือกรดโครมิค  ขนาดของรูพรุนที่เกิดขึ้นจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 10-150 นาโนเมตร  ก่อตัวเป็นชั้นบางๆ ที่ผิว สามารถก่อตัวหนาขึ้น รูพรุนที่เกิดขึ้น ตอนนี้จะมีลักษณะเป็นเหมือนท่อทรงหกเหลี่ยมปลายเปิด   ซึ่งยังสามารถถูกกัดกร่อนได้หากไม่มีการปิดผนึกปลายทรงกระบอกนี้   
                      โดยทรงกระบอกเล็ก ๆ นี้จะเป็นที่ดูดซับ บรรจุสี  หรือสารป้องกันการกัดกร่อน ซึ่งเราต้องปิดปลายกระบอกนี้เพื่อกักเก็บสี  และปิดผิวด้วยสารเคมีป้องกันการกัดกร่อนไว้ภายใน สารปิดผิว ชนิดซีลเย็น AKE Hole Sealing ป้องกันผิวและสีให้คงทนสวยงามยาวนาน 
                      การอโนไดซ์อลูมิเนียมมีด้วยกันสามชนิดหลัก ๆ (ตาม MIL-A-862S) คือ 
                      Type I - Chromic Acid Anodization 
                      Type II - Sulphuric Acid Anodization  
                      Type III - sulphuric acid hardcoat anodization  
                      และยังมีวิธีการอโนไดซ์อื่น ๆ อีกคือ ตาม MIL-A-63576, AMS 2469, AMS 2470, AMS 2471,  AMS 2472, 
                      AMS2482, ASTM B580, ISO 10074 และ BS 5599 
                    การทำอโนไดซ์มีหลายชนิด ที่นิยมใช้กันในประเทศไทยคือ   MIL-A-862S                 
                      และยังมีวิธีการอโนไดซ์อื่น ๆ อีกคือ ตาม MIL-A-63576, AMS 2469, AMS 2470, AMS 2471,  AMS 2472, AMS2482, 
ASTM B580, ISO 10074 และ BS 5599 
สนใจศึกษาหาความรู้การทำอโนไดซ์ การชุบสีอลูมิเนียม สมัครลงทะเบียนเรียนได้ทางไลน์ ......... homeenergy ............  |